ค้นหา
ปกติ
ขาวดำ
ดำเหลือง
ขนาดตัวอักษร

“กองทัพเรือขานรับนโยบายของรัฐบาล” และเร่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับกำลังพลรองรับนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินของบุคลากรภาครัฐและประชาชนรายย่อย

พลเรือเอก ชลธิศ  นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ให้การต้อนรับและร่วมหารือกับ นายกิตติรัตน์  ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และคณะ ในโอกาสเดินทางมาติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินกำลังพลของกองทัพเรือ ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗

นโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับบุคลากรภาครัฐและประชาชนรายย่อย ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ ๒ เรื่อง ได้แก่
๑. ให้ส่วนราชการกำหนดหลักเกณฑ์การหักเงินเดือนเหลือสุทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ และ ๒. ให้สหกรณ์ออมทรัพย์พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เหลือไม่เกิน ร้อยละ ๔.๗๕ ขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระได้ถึงอายุ ๗๕ ปี และสามารถผ่อนชำระคืนเฉพาะส่วนที่เกินทุนเรือนหุ้น ซึ่งนโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ รัฐบาลได้กำหนดให้ทุกส่วนราชการนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และได้ประสานขอความร่วมมือไปยังกรมส่งเสริมสหกรณ์ ธนาคาร และสถาบันทางการเงินต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินการของทุกภาคส่วนเป็นไปอย่างมีระบบและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ในส่วนของกองทัพเรือโดยคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้สินกำลังพลของกองทัพเรือ นั้น ได้ทำการศึกษาและตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า ในปัจจุบันมีกำลังพลของกองทัพเรือที่รับเงินเดือนน้อยกว่าร้อยละ ๓๐ มีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐,๗๐๙ นาย หรือคิดเป็นร้อยละ ๒๓ ของจำนวนกำลังพลทั้งหมด ๔๖,๕๖๓ นาย จึงได้นำนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้สินมาสู่การปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญกับ ๒ แนวทาง หลัก ประกอบด้วย

แนวทางการป้องกันปัญหาหนี้สินกำลังพล (Preventive Measures) มีการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้
๑. ออกระเบียบกองทัพเรือว่าด้วยการหักเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทนพนักงานราชการ เพื่อชำระเงินให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการ สหกรณ์และสถาบันการเงิน รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การจัดลำดับรายการที่หักจากเงินเดือน
๒. จัดทำหมายเหตุในใบรับเงินเดือนเพื่อแจ้งเตือนสถาบันการเงินต่าง ๆ กรณีที่กำลังพลมีรายรับสุทธิต่ำกว่าร้อยละ ๓๐ ขอกู้เงิน เพื่อให้สถาบันการเงินต่าง ๆ พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการปล่อยกู้เงิน
๓. การพิจารณาก่อนการรับรองให้กู้เงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้นำหลักเกณฑ์หลังจากการตัดเงินกู้แล้ว กำลังพลต้องมีรายรับสุทธิต่อเดือนคงเหลืออย่างน้อยร้อยละ ๓๐
๔. การให้ความรู้ทางการเงินแก่กำลังพล เช่น การออม การลงทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) การบริหารจัดการทางการเงินให้เกิดประสิทธิภาพ และโครงการที่ให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สิน เป็นต้น
๕. การดำเนินโครงการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ เช่น การจัดรถรับ - ส่งกำลังพล การจัดงานขายสินค้าราคาประหยัด และกิจกรรมส่งเสริมอาชีพต่าง ๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ ได้มีการกำหนด แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินกำลังพล (Corrective Measures) ที่สำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้หน่วยต้นสังกัดของกำลังพลทำหน้าที่เป็นที่เป็นคลีนิคปรึกษาการแก้ไขปัญหาหนี้สินเบื้องต้น และหากเกินขีดความสามารถของหน่วยให้พิจารณาเสนอคลินิกให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกำลังพล ทร. (สก.ทร.) เพื่อประสานกับสถาบันการเงินภายนอกในการแก้ไขหนี้ รวมทั้งให้คำปรึกษา คำแนะนำด้านกฎหมายและวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยมีที่ตั้ง ณ กรมสวัสดิการทหารเรือ รวมทั้งจัดทำเบอร์โทรศัพท์สายด่วนเพื่อให้กำลังพลที่เดือนร้อน สามารถขอคำปรึกษาได้
๒. สนับสนุนให้สหกรณ์ภายในกองทัพเรือมีโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิก ที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๗๕ ต่อปี หรือต่ำกว่า รวมทั้งการขยายระยะเวลาชำระหนี้ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของสมาชิกสหกรณ์
๓. การพิจารณากรณีที่กำลังพลที่มีรายรับสุทธิต่อเดือนคงเหลือน้อยกว่าร้อยละ ๓๐ หากมีความจำเป็นต้องการกู้เงิน นั้นให้ผู้บังคับบัญชาของหน่วย ตรวจสอบรายได้เสริมอื่น ๆ เช่น การขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง การขายสินค้า/อาหาร เป็นต้น ว่าเพียงพอต่อการดำรงชีวิตหรือไม่ ก่อนอนุญาตให้กู้เงินได้ โดยพิจารณาเป็นรายบุคคล เพื่อเป็นการช่วยเหลือกำลังพลที่มีความจำเป็นจริงและเดือนร้อน เพื่อป้องกันมิให้กำลังพลไปกู้เงินนอกระบบ

ในปัจจุบันการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้สินกำลังพลของกองทัพเรือมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันได้มีการดำเนินการที่สำคัญประกอบด้วย  
๑. สหกรณ์ภายในกองทัพเรือ จำนวน ๗ แห่ง ได้ออกโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๗๕ ต่อปี หรือต่ำกว่า รวมทั้งการขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามนโยบายรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว
๒. กองทัพเรือได้ออกระเบียบกองทัพเรือว่าด้วยการหักเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทนพนักงานราชการ การทำหมายเหตุในสลิปเงินเดือน และการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดลำดับรายการที่หักจากเงินเดือนเรียบร้อยแล้ว
๓. ปัจจุบันมีกำลังพลที่รับเงินเดือนน้อยกว่าร้อยละ ๓๐ เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินกับสหกรณ์ภายในกองทัพเรือ จำนวน ๑,๒๕๕ ราย และเข้าร่วมโครงการกับคลีนิกแก้หนี้ จำนวน ๓๑๕ ราย รวมเป็นจำนวนกำลังพลที่มีความเดือดร้อนและสมัครใจเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น ๑,๕๗๐ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๖ ของจำนวนกำลังพลที่รับเงินเดือนน้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ทั้งสิ้น ๑๐,๗๐๙ ราย โดยกำลังพลในส่วนที่เหลืออีก ๙,๑๓๙ ราย ที่ยังไม่ร่วมโครงการนั้น ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการสำรวจและรวบรวมข้อมูลจากหน่วยต้นสังกัด ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่ากำลังพลในจำนวนนี้บางส่วนไม่มีความเดือดร้อนเนื่องจากมีรายได้ส่วนอื่นของครอบครัวให้การสนับสนุน และมีรายได้เสริมที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ อย่างไรก็ตามกองทัพเรือจะได้เร่งการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้กำลังพลที่มีความเดือดร้อนได้เข้ามาร่วมโครงการอย่างต่อเนื่องต่อไป
๔. สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกำลังพลที่เข้าร่วมโครงการผ่านคลีนิกแก้หนี้ จำนวน ๓๑๕ นาย ที่เป็นกำลังพลที่ประสบปัญหาหนี้สินซ้ำซ้อน นั้น ปัจจุบันสามารถแก้ไขปัญหาจบแล้ว จำนวน ๑๙๙ ราย คาดว่าจะประสบผลสำเร็จ ในระยะเวลาอันใกล้อีกจำนวน ๙๐ ราย และอยู่ระหว่างการรวมหนี้ ประนอมหนี้ และการเจรจากับเจ้าหนี้ อีกจำนวน ๒๖ ราย ซึ่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ต่อไป

Related Articles

แบบสำรวจ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ทร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ ทร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้