พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มาทรงประกอบพิธีปล่อยเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ลงน้ำ โดยมี พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๒
โครงการสร้างเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์
กองทัพเรือเสนอขออนุมัติโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง จำนวน ๒ ลำ โดยกองทัพเรือจะเป็นผู้ดำเนินการต่อเรือจากแบบที่ ทร. มีใช้ราชการ เพื่อเป็นการพึ่งพาตนเองและพัฒนาขีดความสามารถด้านการต่อเรือขนาดใหญ่ของกองทัพเรือให้เพิ่มสูงขึ้น กองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแบบเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งที่กองทัพเรือมีใช้
ในราชการ โดยมีมติให้ใช้แบบเรือ ร.ล.กระบี่ เป็นแบบพื้นฐานในการสร้างเรือลำใหม่ พร้อมกับเสนอแนะให้ปรับปรุงข้อบกพร่องในส่วนต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุด ร.ล.ปัตตานี และ ร.ล.กระบี่ เพื่อให้เรือลำใหม่ มีคุณลักษณะที่เหมาะสมมากขึ้นในการตอบสนองภารกิจของกองทัพเรือ
กองทัพเรือ อนุมัติให้โครงการสร้างเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ โดยโครงการสร้างเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนากำลังรบตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ มีวัตถุประสงค์
เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพเรือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การรักษา กฎหมายในทะเล และการปฏิบัติการรบผิวน้ำรวมทั้งการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลและสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรืออื่น ๆ
การดำเนินโครงการสร้างเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์
ระยะเวลาดำเนินโครงการ ๔ ปี (ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ – ๒๕๖๑) แบ่งออกเป็น ๒ ระยะ
ระยะที่ ๑ การจัดหาเฉพาะระบบตัวเรือ จำนวน ๑ ลำ ประกอบด้วยแบบและพัสดุในการสร้างเรือ พร้อมระบบสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงรวมและการบริการทางด้านเทคนิค ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๘ – ๒๕๖๑
ระยะที่ ๒ การจัดหาระบบควบคุมบังคับบัญชาและตรวจการณ์และระบบอาวุธ ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๙ – ๒๕๖๑

คุณลักษณะทั่วไปของเรือ (Ship System Performance)
ความยาวตลอดลำ ๙๐.๕๐ เมตร ความกว้าง ๑๓.๕ เมตร
ความยาวที่แนวน้ำ ๘๓.๐๐ เมตร ระดับกินน้ำลึก ๓.๗๐ เมตร
ระวางขับน้ำไม่น้อยกว่า ๑,๙๖๐ ตัน
ความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า ๒๓.๐๐ นอต
ปฏิบัติการไม่น้อยกว่า ๓,๕๐๐ ไมล์ทะเล ด้วยความเร็วเดินทางไม่ต่ำกว่าความเร็ว ๑๕ นอต
สามารถรองรับเฮลิคอปเตอร์ ขนาด ๑๑.๕ ตัน ได้ ๑ ลำ
สามารถปฏิบัติการในทะเลเปิด ต่อเนื่องได้อย่างน้อย ๑๔ วัน โดยไม่ต้องรับการส่งกำลังบำรุง
สามารถปฏิบัติการได้สภาวะทะเล ระดับ Sea State 5
ระบบอาวุธประจำเรือ
ปืนขนาด ๗๖/๖๒ มิลลิเมตร แบบอัตโนมัติ จำนวน ๒ ระบบ
ปืนกลขนาด ๓๐ มิลลิเมตร แท่นเดี่ยว จำนวน ๒ ระบบ
ปืนกล ๐.๕๐ นิ้ว M2 จำนวน ๒ กระบอก
ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น Harpoon จำนวน ๑ ระบบ ประกอบด้วย ๒ แท่น ๆ ละ ๔ ท่อยิง
ระบบควบคุมบังคับบัญชาและตรวจการณ์ จำนวน ๑ ระบบ
เครื่องยิงเป้าลวง (Decoy Launcher) จำนวน ๒ แท่น
:: พิธีปล่อยเรือลงน้ำ ::

เมื่อมนุษย์รู้จักสร้างเรือนั้น เท่าที่มีประวัติไว้ประมาณ ๒๑๐๐ ปีก่อน คริสต์ศาสนา ก่อนปล่อยเรือลงน้ำจะต้องประกอบพิธีทางศาสนาเสียก่อน ชาวเกาะตาฮิตีทำพิธีสังเวยด้วยเลือดมนุษย์ จีนสร้างสถูปไหว้เจ้าและสร้างที่สำหรับแม่ย่านางเรือสิงสถิต อียิปต์และกรีกโบราณจะประดับเรือด้วยพวงดอกไม้และใบไม้ที่มีกลิ่นหอม พระจะทำพิธีมอบเรือแก่พระสมุทร ขณะที่เรือเลื่อนลงน้ำจะมีการเทเหล้าไวน์ (WINE) ลงบนเรือหรือบนพื้นดิน เพื่อเป็นการสังเวยให้พระสมุทรปกปักษ์รักษาเรือลำนั้น ต่อมา ในสมัยกลางที่เกิดคริสต์ศาสนาขึ้น พิธีปล่อยเรือลงน้ำกลายเป็นพิธีที่ใหญ่โตมาก จะมีการประดับประดาเรือด้วยดอกไม้ พระจะประสาทพรและกล่าวอุทิศเรือแก่นักบุญที่ยิ่งใหญ่องค์ใดองค์หนึ่ง และดื่มแชมเปญหรือไวน์อวยพรด้วยถ้วยเงิน เมื่อดื่มแล้วให้ขว้างถ้วยขึ้นไปบนเรือ ปรากฏว่าสิ้นเปลืองมาก จึงเปลี่ยนเป็นขว้างขวดแชมเปญหรือไวน์กับหัวเรือแทน
ราชนาวีอังกฤษ เริ่มให้สุภาพสตรีที่สูงศักดิ์ เป็นผู้ประกอบพิธีตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ ๑๙ คราวหนึ่ง สุภาพสตรีได้ขว้างขวดแชมเปญไม่ถูกหัวเรือ แต่กลับไปถูกแขกที่มาในงานพิธีบาดเจ็บ จึงได้ใช้เชือกผูกคอขวดเสียก่อนเสมอ
ฝรั่งเศส ไม่ใช้เหล้าไวน์ในการประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ แต่เปลี่ยนเป็นเลี้ยงแขกในพิธีด้วยเหล้าไวน์อย่างดีแทน
ญี่ปุ่น เป็น ประเทศแรกที่ใช้นกร่วมในพิธีนี้ด้วย โดยการปล่อยนกพิราบจากกรงขณะที่เรือเคลื่อนลงน้ำ
สหรัฐนาวี ประกอบพิธีทำนองเดียวกับราชนาวีอังกฤษ แต่บางครั้งก็มีแตกต่างออกไป เช่น ใช้เหล้าผสมน้ำ แทนเหล้าบริสุทธิ์ ใช้นกพิราบผูกริบบิ้นสีแดง ขาว และน้ำเงิน ตัวละสี ๓ ตัว หรือใช้ผู้ประกอบพิธี ๓ คน แต่ละคนถือขวดน้ำ ซึ่งนำมาจากแม่น้ำและทะเลที่ตนนับถือสำหรับต่อยหัวเรือให้ขวดแตก
ชาวเรือไม่ยอมลงเรือลำใดที่ไม่ได้ทำพิธีปล่อยให้ถูกต้อง เพราะเชื่อกันว่าเรือแต่ละลำมีวิญญาณ ถ้าทำพิธีไม่ถูกต้องแล้ว จะถูกสาปให้ประสบเคราะห์กรรมต่าง ๆ มีเรื่องเล่ากันว่า เรือรบอเมริกัน USS. Constitution ไม่ยอมเคลื่อนลงน้ำถึง ๒ ครั้ง เมื่อใช้ขวดน้ำแทนเหล้า จนครั้งที่ ๓ พลเรือจัตวา James Sever จึงสั่งให้เอาขวดเหล้าใน Madeira มาต่อยที่หัวเรือ เรือจึงยอมเลื่อนลงน้ำไป พวกชาวเรือที่ได้เห็นเหตุการณ์วันนั้น กล่าวยืนยันว่า “พับผ่าซีครับ ผมได้ยินเสียงเรือถอนหายใจด้วยความโล่งอกทีเดียว”
สำหรับการที่ต้องปล่อยเรือ โดยการเอาท้ายเรือลงน้ำนั้น ก็เนื่องจาก ท้ายเรือป้าน มีกำลังลอยมากกว่าทางหัวเรือซึ่งแหลม ถ้าเอาหัวเรือลงอาจทำให้น้ำเข้าและจมได้ อีกประการหนึ่ง หัวเรือแหลม เมื่อเคลื่อนลงน้ำแล้ว ด้วยน้ำหนักตัวของมัน จะมีแรงเคลื่อน พุ่งไปข้างหน้าไกลหรือกำลังแรง ลำบากในการยึดเหนี่ยว การเอาท้ายเรือลง จึงสะดวกกว่า
พิธีปล่อยเรือลงน้ำของราชนาวีไทย เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่สันนิษฐานว่า คงจะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในสมัยนั้น กองทัพยังไม่ได้แบ่งแยกเป็น กองทัพบกหรือกองทัพเรือ อย่างเช่นในสมัยปัจจุบัน นับตั้งแต่กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เรือรบก็สร้างด้วยไม้ ถ้าเป็นเรือรบที่ใช้รบในแม่น้ำ ก็จะเป็นเรือที่มีขนาดเล็ก ส่วนเรือที่ใช้รบในทะเลหรือเรือที่ใช้ในการค้าขายก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น เรือสำเภา เรือกำปั่น เป็นต้น พิธีปล่อยเรือลงน้ำที่มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้มีพิธีปล่อยเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ลงน้ำ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๔๕๔ ส่วนเรือหลวงที่สร้างจากต่างประเทศที่มีหลักฐานปรากฏได้แก่ ร.ล.เสือคำรณสินธุ์ ประเภทเรือพิฆาต มีพิธีปล่อยเรือลงน้ำ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๔๕๓ ณ อู่กาวาซากิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น สำหรับเรือหลวง ตัวเรือเป็นเหล็ก สร้างโดยกรมอู่ ทร. ที่มีพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ได้แก่ ร.ล.สัตหีบ ซึ่งมี คุณหญิง วิจิตรา ธนะรัชต์ ภริยา จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รมว.กห. เป็นประธานประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๐
ในปัจจุบันได้กำหนดพิธีปล่อยเรือลงน้ำของราชนาวีไทย พอสังเขปดังนี้
-
พิธี ประกอบด้วย การนำขวดแชมเปญกระทบหัวเรือ หรือใช้ขวานทองตัดเชือกหัวเรือ
-
ในประเทศ มีพิธีทางศาสนา
-
ผู้ประกอบพิธี เป็นสุภาพสตรี อาจเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ หรือภริยานายทหารเรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ ทร.พิจารณาเห็นสมควร
ทั้งนี้ ไม่ว่าเรือนั้นจะสร้างโดย กรมอู่ ทร. รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทเอกชน
-
ต่างประเทศ เป็นสุภาพสตรี อาจเป็นภริยาข้าราชการ ทร. ชั้น พล.ร.อ.ขึ้นไป หรือภริยาเอกอัครราชทูตที่ ทร.พิจารณาเห็นสมควร
-
กำหนดเวลาทำพิธี แล้วแต่ฤกษ์