กองทัพเรือ

เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๔ นาวาเอก อัศมัย นรินรัตน์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำของกองทัพเรือ พร้อมกำลังพลสังกัดกรมอู่ทหารเรือ พระจุลจอมเกล้า ได้ลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน ๒๐ ลำ เข้าประจำการตามคลองต่าง ๆ ซึ่งจุดระบายน้ำที่สำคัญรวม ๕ จุด ได้แก่คลอง ๔ ตำบลบางปลา คลองสุวรรณภูมิ หน้าสนามบินสุวรรณภูมิ ตำบลบางโฉลง คลองกิ่งแก้ว คลองขุด ตำบลบางพลีใหญ่ และคลองสำโรง โดยจะทำการผลักดันน้ำวันละ ๑๖-๒๐ ชั่วโมงต่อวัน รองรับปริมาณน้ำที่จะระบายลงมาจากหลายจังหวัด ทั้งอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี รวมถึงกรุงเทพมหานคร และพายุ ซึ่งภารกิจผลักดันน้ำ จะสามารถเพิ่มการไหลเวียนของมวลน้ำไปยังประตูรายน้ำได้เร็วขึ้น โดยเรือผลักดันน้ำจะทำงาน ๑๖-๒๐ ชั่วโมงต่อวัน โดยทาง องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ ได้สนับสนุนน้ำมันดีเซลวันละ ๑ พันลิตรในภารกิจผลักดันน้ำเข้าปฏิบัติภารกิจมวลน้ำ

โดยมี ดร.พัฒนพงศ์ จงรักดี นายกเทศมนตรีตำบลบางพลี กล่าวว่า หลังจากลงดูพื้นที่ร่วมกับนายอำเภอบางพลีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เห็นปัญหาในเรื่องของการระบายน้ำบางครั้งก็ยังบางจุดที่ท่วมขังอยู่นานเกิดจากการน้ำไปได้ช้าเพราะบางจุดเป็นพื้นที่ราบลุ่มและเป็นแอ่งกระทะ ทางนายอำเภอบางพลีจึงได้ประสานกับกองทัพเรือซึ่งมีหน่วยเฉพาะกิจของการผลักดันมวลน้ำ นำเรือผลักดันน้ำในคลองสายหลักต่าง ๆ ในการระบายน้ำรวม ๒๖ ลำ มาทำการเร่งผลักดันมวลน้ำให้ไปรอการระบายน้ำที่หน้าประตูของเครื่องสูบน้ำทางด้านคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิได้ไว้ขึ้น โดยเฉพาะในคลองสำโรงหน้าวัดบางโฉลงนอก ซึ่งในการดำเนินการในครั้งนี้เป็นการประสานความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยกัน

นาวาเอก อัศมัย นรินรัตน์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำของกองทัพเรือ ได้กล่าวว่าหลังจากที่ได้รับการประสาจากท่านนายอำเภอบางพลี ทางกองทัพเรือได้นำเรือผลักดันน้ำจำนวน ๒๖ ลำ เข้ามาทำการผลักดันน้ำตามคลองสายหลักในการระบายน้ำในเขตอำเภอบางพลี ซึ่งในการดำเนินการในครั้งนี้ต้องมีการร่วมกันพิจารณาหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอำเภอบางพลี และหน่วยงานท้องถิ่นและชลประทาน เพราะว่าหน้าที่เราก็คือมาให้การสนับสนุนการเร่งระบายน้ำเพราะฉะนั้น ผู้นำท้องถิ่นจะรู้ดีว่าจุดไหนมีน้ำท่วมขังนาน และเราก็จะไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องระบายน้ำเพราะทำการวางจุดเรือผลักดันน้ำ