พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (รอง ผอ.ศรชล.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ครั้งที่ ๑ ประจำปี ๒๕๖๖ โดยมี พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะเลขาธิการ ศรชล. ตลอดจนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยงานหลัก ๗ ศรชล. ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตํารวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมประชุม สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมรูปแบบสัญจรครั้งแรกของปี ๒๕๖๖ ตามนโยบายผู้บังคับบัญชา ศรชล. ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖
พลเรือตรี ไชยนันท์ ชูใหม่ โฆษก ศรชล. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางขับเคลื่อนงานร่วมกันของหน่วยงานหลักใน ศรชล.ทั้ง ๗ หน่วยงาน โดย ศรชล. ได้เสนอร่างแผนการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ระยะ ๕ ปี (พุทธศักราช ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ที่มี ๔ กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย
กลยุทธ์ ๑ การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเกี่ยวกับการดำเนินการด้านความมั่นคงทางทะเล มุ่งเน้นการบูรณาการด้านความมั่นคง
กลยุทธ์ ๒ การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสีน้ำเงิน มุ่งเน้นการบูรณาการด้านเศรษฐกิจ
กลยุทธ์ ๓ การบริหารจัดการองค์ความรู้ทางทะเล และการสร้างความตระหนักรู้ความสำคัญของทะเล มุ่งเน้นการบูรณาการหน่วยงานทางทะเล
กลยุทธ์ ๔ การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางทะเล และด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล มุ่งเน้นการบริการประชาชน
ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบตามขั้นตอน
โฆษก ศรชล. กล่าวต่อไปว่า ในช่วงปลายเดือนเมษายน ๒๕๖๖ นี้ ศรชล. จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย (จัสแมกไทย) จัดการประชุมระดับผู้บังคับบัญชาตามกรอบความริเริ่มการบังคับใช้กฎหมายทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ ๙ (9th SEAMLEI CF) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและปลอดภัยทางทะเลร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการหารือเกี่ยวกับประเด็นปัญหา หรือประเด็นความท้าทายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับหน่วยยามฝั่งและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ ศรชล. ได้พัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงทางและในระดับภูมิภาค และสอดคล้องกับภารกิจ ศรชล. และแผนปฏิบัติราชการ ๕ ปี ศรชล. (พุทธศักราช ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ในช่วงท้าย โฆษก ศรชล.กล่าว่า สาระสำคัญการประชุมอีกเรื่องหนึ่งคือ ผลการตรวจประเมินประเทศสมาชิกองค์การทางทะเลระหว่างประเทศภาคบังคับ (IMO Member State Audit Scheme : IMSAS) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ทางคณะผู้ตรวจประเมินจาก IMO ได้แสดงความชื่นชมว่า ประเทศไทย มีระบบการปฏิบัติงานที่โดดเด่นในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ๔ เรื่อง ได้แก่
๑.การใช้เทคโนโลยีในการตรวจจับข้อบกพร่องของเครื่องหมายช่วยการเดินเรือ (Aids to Navigation : AtoN) ทำให้สามารถซ่อมบำรุงเครื่องหมายการเดินเรือได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
๒.การนำระบบบูรณาการข้อมูลกิจการทางทะเล (Thai Integrated Shipping Information System : THISIS) มาใช้ในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล และกำกับดูแลการดำเนินการตามตัวชี้วัด (KPI) ทำให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
๓.การนำระบบแลกเปลี่ยนข่าวสารความปลอดภัยทางทะเล (MSI Platform) มาใช้ในการให้ข้อมูลด้านความปลอดภัยทางทะเล โดยบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของไทย อาทิเช่น กรมเจ้าท่า กรมอุทกศาสตร์ กรมอุตุนิยมวิทยา สถานีวิทยุ Bangkok Radio และ ศรชล. ทำให้การให้ข้อมูลมีความเบ็ดเสร็จ รวดเร็ว ทันกับสถานการณ์ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานของ IMO และ
๔.การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำ ซึ่งปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง ในการเสริมสร้างความปลอดภัยในการเดินเรือ การป้องกันการเกิดมลพิษทางน้ำ และการให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
อย่างไรก็ดี การดำเนินการข้างต้น IMO จะนำไปเป็นต้นแบบในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของประเทศสมาชิก ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์ของการดำเนินการตรวจประเมินประเทศสมาชิกของ IMO ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อปฏิบัติอันเป็นเลิศ (best practice) ระหว่างกันต่อไป
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ทร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ ทร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้