พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ และเปิดการปฐมนิเทศกำลังพล โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมถึงกรรมการบริหารจากหน่วยงานหลักของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และหน่วยงานด้านความมั่นคงที่สำคัญคือ นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประมง นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร นายสมพงษ์ คล้อยแคล้ว ผู้ตรวจการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พลตำรวจตรี โชคชัย นนท์ปฎิมากุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการเดินเรือ กองบังคับการตำรวจน้ำ รวมถึง นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดชลบุรี เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมดุสิตธานี จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
คณะกรรมการบริหาร ศรชล.นับเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อน ศรชล.ที่ยกระดับเป็นศูนย์อำนวยการตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.๒๕๖๒ มีหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดทำแผนงาน โครงการ และงบประมาณ ให้คำปรึกษาในการปฏิบัติงานในหน้าที่และอำนาจของ ศรชล. รวมทั้งวางระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานด้านต่างๆ ของ ศรชล.
สำหรับวาระการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ในครั้งนี้มีวาระการประชุมที่สำคัญ คือ นโยบายการปฏิบัติงานของ ศรชล. ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ที่มุ่งเน้นการมุ่งเน้นการพัฒนา ศรชล. ในทุกด้าน เพื่อให้การปฏิบัติงานแบบบูรณาการและการพัฒนา ศรชล. มีความเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อรองรับแผนปฏิบัติราชการ ๕ ปี ในห้วงปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ประกอบด้วย
๑. การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและแผนรองรับระดับ ๓ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ให้มีความสอดคล้อง และรองรับสถานการณ์ทางทะเลในอนาคต
๒. การบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการค้ามนุษย์และการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
๓. เพิ่มมาตรฐานและความต่อเนื่องในการกำกับดูแลหน่วยงานในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เข้มงวดการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมายฯ (IUU Fishing) และการปราบปรามการค้ามนุษย์
๔. พัฒนาหลักปฏิบัติประจำในการบูรณาการ การอำนวยการ และการประสานงานในการปฏิบัติงานร่วมกัน ระหว่าง ศรชล.ส่วนกลาง ศรชล.ภาค และ ศรชล.จังหวัด ให้สามารถขับเคลื่อนการป้องกันปราบปราม การกระทำผิดในทะเล และจัดการแก้ไขปัญหาบรรเทาสาธารณภัยในทะเลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
๕. เร่งรัดพัฒนากลไกการบูรณาการข้อมูลข่าวสาร การเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างหน่วยงานทางทะเลทั้งในและต่างประเทศ
๖. เร่งรัดการดำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนงาน นโยบาย แนวทาง/คู่มือ/แผนเผชิญเหตุและบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
๗. เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานหลักใน ศรชล. เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านระหว่างผู้ที่โยกย้ายและผู้ที่มารับหน้าที่ใหม่ และดำรงความพร้อม เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงาน เครือข่าย และภาคประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๘. เร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการบรรจุ และจัดเตรียมหลักสูตรการอบรมรองรับข้าราชการพลเรือนใหม่ ให้มีความรู้ ประสบการณ์และความเข้าใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
๙. สร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ให้ประชาชนในพื้นที่และหน่วยงานของรัฐในพื้นที่จังหวัดชายทะเล มีความเข้าใจและร่วมมือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
๑๐. รวบรวมปัญหาอุปสรรคข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานที่ผ่านมาและกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน
ในส่วนของการอบรมปฐมนิเทศ ให้แก่กำลังที่ปฏิบัติงานใน ศรชล. มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติงานใน ศรชล. ให้กับกำลังพล ศรชล. ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ผ่านการบรรยายถ่ายทอด องค์ความรู้และประสบการณ์จากส่วนอำนวยการและส่วนปฏิบัติการ รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ในระดับต่าง ๆ ของ ศรชล. รองรับแผนปฏิบัติราชการของ ศรชล. ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมปฐมนิเทศ จากหน่วยต่างๆ ทั้งในส่วนของกองทัพเรือ และหน่วยงานของหลักของ ศรชล. ประกอบด้วย กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ และ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รวมทั้งผู้แทนหน่วยขึ้นตรงต่างๆ ใน ศรชล. ศรชล.ภาค ศรชล.จังหวัด และ ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ (ศคท.หรือ PSCC) จำนวน ๑๙๕ นาย เข้ารับการอบรม
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ศรชล.ได้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยผลการปฏิบัติงานที่สำคัญในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ประกอบด้วย
- การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ศรชล. ได้บูรณาการการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากหน่วยงานหลักใน ศรชล. โดยเฉพาะการร่วมกันจัดทำ “หลักสูตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (Search and Rescue)” รวมถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมและจะเป็นแกนหลักในการฝึกการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย (SAREX) โดยมีเป้าหมายในการเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในปีงบประมาณ ๒๕๖๖
- การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งศรชล. ได้รับมอบภารกิจ ต่อจากศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย โดยได้ปฏิบัติภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้นำระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) มาสนับสนุนการตรวจสอบเป้าต้องสงสัยร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) ของกรมประมง ซึ่งสามารถจับกุมเรือประมงต่างชาติลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทย และได้ตรวจพบจับกุมเรือลักลอบลำเลียงน้ำมันโดยผิดกฎหมาย ได้อย่างต่อเนื่อง
- การแก้ไขปัญหาบุกรุกพื้นที่สาธารณะบริเวณอ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และความขัดแย้งจากการทำประมงคอกหอย จนสามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ภายในระยะเวลา ๕ เดือน ๘ วัน โดยสามารถคืนพื้นที่ ๑๑๐,๓๐๐ ไร่ รื้อถอนขนำ ๙๔๖ หลัง เสาปูน ๑๑,๑๐๑ ต้น และเสาไผ่รั้วคอกหอย ๑๙๖,๑๒๐ ต้น
- จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ศรชล. ได้เข้ามามีส่วนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 โดยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการคมนาคมทางน้ำระหว่างประเทศด้วยการตรวจสอบเรือที่เดินทางเข้าออกประเทศผ่านระบบ National Single Window ของกรมเจ้าท่า ในการบริหารจัดการบุคคลเข้ามาราชอาณาจักร โดยให้เป็นไปตามข้อกำหนด และให้หน่วยปฏิบัติของ ศรชล. ได้แก่ ศรชล.จังหวัด และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดทั้ง ๒๓ จังหวัดชายทะเล บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทำการตรวจคัดกรองโรค COVID – 19 ลูกเรือของเรือสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามารับส่งสินค้าที่ท่าเรือต่าง ๆ ในประเทศ และการตรวจคัดกรองลูกเรือประมงโดยเจ้าหน้าที่ชุดสหวิชาชีพ ประจำศูนย์แจ้งเข้าออกเรือประมงหรือศูนย์ PIPO จนสามารถควบคุมไม่ให้โรค COVID – 19 จากภายนอกเข้ามาภายในประเทศทางน้ำได้อย่างเป็นผลสำเร็จ
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ทร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ ทร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้