ทัพเรือภาคที่ ๒ ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค ๒ ได้รับแจ้งเบาะแสจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่ามีเรือประมงต่างชาติ เข้ามาทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำไทย บริเวณ แบริ่ง ๐๔๖ ระยะ ๔๔ ไมล์ จากปากแม่น้ำบางนรา ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตต่อเนื่อง
พลเรือโท สุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๒ /ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค ๒ ได้สั่งการให้เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ๑๑๔ ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ โดยในวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๐๓๐ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ๑๑๔ ได้ตรวจพบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จำนวน ๑ ลำ กำลังลักลอบทำการประมง บริเวณ แบริ่ง ๐๔๖ ระยะ ๔๔ ไมล์ จากปากแม่น้ำบางนรา ผู้ควบคุมพร้อมลูกเรือ รวมจำนวน ๔ คน
จากการตรวจสอบภายหลังหยุดเรือ พบว่าเรือออกมาจากเมืองกาเมา ประเทศเวียดนาม โดยทำการประมงมาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ วัน จึงได้ควบคุมเรือพร้อมลูกเรือทั้งหมด มาทำการสอบสวน ที่ท่าเทียบเรือประมงนราธิวาส เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม และส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การดำเนินคดีกับเรือประมงสัญชาติเวียดนาม เนื่องจากเป็นการจับกุมในพื้นที่เขตต่อเนื่อง จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิดไว้ ๓ ข้อหา ดังนี้
๑. ใช้เรือประมงไร้สัญชาติทำการประมงในเขตการประมงไทย (ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.๒๕๕๘ มาตรา ๑๐)
๒. ร่วมกันทำการประมงพาณิชย์โดยไม่มีใบรับอนุญาตทำการประมง (ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.๒๕๕๘)
๓. ทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต (ตาม พ.ร.ก.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.๒๔๘๒ )
สำหรับการจับกุมเรือประมงต่างชาติในพื้นที่ ทัพเรือภาคที่ ๒ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ การจับกุมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๑๓ รวมเรือทั้งหมด ๑๙ ลำ ผู้ควบคุมเรือพร้อมลูกเรือรวม จำนวน ๙๐ คน
ทัพเรือภาคที่ ๒ และ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค ๒ ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ทัพเรือภาคที่ ๒ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ ๑๑๓,๒๗๕ ตารางกิโลเมตร เราจะปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำ เข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทยตลอดไป