มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานภายในพระราชวังเดิม ร่วมกับ กองทัพเรือ เปิดพระราชวังเดิมกรุงธนบุรี ให้ประชาชนเข้าถวายสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมทั้ง เยี่ยมชมโบราณสถานภายใน พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี เป็นกรณีพิเศษ ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๕.๓๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งมีการจำหน่ายวัตถุมงคล อาทิ หนังสือพระราชประวัติ /เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสิน เสื้อ ฯลฯ
สำหรับโบราณสถานภายในพระราชวังเดิม ประกอบไปด้วย
๑. อาคารท้องพระโรง เป็นอาคารประธานของพระราชวังเดิม มีลักษณะเป็นอาคารทรงไทย ตรีมุข วัสดุมุงหลังคาเป็นกระเบื้องดินเผาสีส้มชนิดหางเหลี่ยมไม่เคลือบสี ด้านจั่วประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์และนาคสะดุ้ง สร้างขึ้นในราวปี พุทธศักราช ๒๓๑๐ พร้อมกับการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี อาคารท้องพระโรงประกอบไปด้วย พระที่นั่งสององค์เชื่อมต่อกัน คือ พระที่นั่งองค์ทิศเหนือ เรียกว่าท้องพระโรง ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ขณะเสด็จออกว่าราชการ ส่วนพระที่นั่งองค์ทิศใต้ที่อยู่ติดกับพระที่นั่งองค์แรก เรียกกันว่าพระที่นั่งขวาง เป็นส่วนราชมณเฑียร หรือพระราชฐานชั้นกลางอันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์
๒. อาคารตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงดำรงพระอิศริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ในระหว่างปี พุทธศักราช ๒๓๖๗ – ๒๓๙๔ โดยมีพระดำริให้สร้างขึ้นพร้อมกับการปรับปรุงอาคารตำหนักเก๋งคู่หลังเล็กที่มีมาแต่เดิม มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่าง ไทยกับจีน หลังคาทรงจั่วแบบจีน ภายในอาคารมีพระทวารและพระแกลแบบไทย ส่วนหลังคามีการเขียนลวดลายจีนแบบปูนเปียก บริเวณหน้าจั่วและคอสองโดยรอบอาคาร สำหรับบริเวณกรอบเช็ดหน้า มีการจำหลักลวดลายเป็นรูปฐานสิงห์ อันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกฐานานุศักดิ์ของอาคารที่ใช้เป็นที่ประทับของเจ้านายเท่านั้น
๓. อาคารเก๋งคู่หลังเล็ก สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาลที่ ๑ - ๒ เนื่องจากรากฐานของอาคารอยู่ในระดับชั้นดินของยุคดังกล่าว รูปแบบของอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงประตูหน้าต่างให้เข้ากับสภาพอากาศในสมัยหลัง
๔. อาคารตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระอิศริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ราวปี พุทธศักราช ๒๓๖๗ - ๒๓๙๔ ลักษณะอาคารเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบตะวันตกหรือเรียกว่าตึกแบบอเมริกัน และหากพิจารณาทางด้านประวีติศาสตร์สถาปัตยกรรมอาจถือได้ว่าอาคารนี้เป็นตำหนักแบบตะวันตกหลังแรกที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยอาจเป็นตึกก่ออิฐถือปูน ๒ ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา มีหน้าจั่วปีกนก ๒ ด้าน ส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาคารที่เป็นไม้ ทาด้วยสีเขียวแก่ทั้งหมด อันเป็นสีที่นิยมใช้สำหรับตำหนักหรืออาคารในสมัยนั้น
๕. ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังเดิมราวปี พุทธศักราช ๒๔๒๔ - ๒๔๔๓ ได้มีพระดำริให้สร้างแทนศาลหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม
๖. ศาลศีรษะปลาวาฬ ในระหว่างการขุดพื้นที่ระหว่างศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและพระตำหนักเก๋งคู่ ได้พบฐานอาคารทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งจากการศึกษาหลักฐานทางโบราณคดี คาดว่าน่าจะเป็นอาคารศาลศีรษะปลาวาฬหลังเดิม ที่ภายในมีประดูกปลาวาฬ โดยศาลหลังนี้ได้พังทลายในวันเดียวกับที่ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ สิ้นพระชนม์ แล้วไม่ได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ จึงได้มีการสร้างขึ้นทดแทนมาในภายหลัง
โบราณสถานภายในพระราชวังเดิม เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมได้ศึกษาหาความรู้ทางด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ในยุคกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งการเดินทางหากใช้บริการขนส่งสาธารณะ แนะนำให้ลงเรือด่วนเจ้าพระยา ขึ้นท่าวัดอรุณ หากขับรถมาเองจากพาต้า เลี้ยวขวามาเส้นทางโรงพยาบาลศิริราช เข้าถนนอรุณอมรินทร์ จนผ่านวัดระฆัง อู่ทหารเรือธนบุรี จนถึงหอประชุมกองทัพเรือ ให้เลี้ยวซ้ายซอยข้างหอประชุมกองทัพเรือ พร้อมตรงมาเรื่อย ๆ และสังเกตป้ายกองบัญชาการกองทัพเรือที่อยู่ติดกับวัดอรุณฯ เมื่อเลี้ยวเข้ามาสามารถแลกบัตรที่กองรักษาการณ์ สำหรับช่วงนี้สามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากมาหลังจากนี้จะต้องเข้าเที่ยวชมเป็นหมู่คณะ และทำหนังสือขออนุญาตล่วงหน้า ๑ - ๒ สัปดาห์ มีค่าธรรมเนียมบำรุงโบราณสถานภายพระราชวังเดิม ในราคา ผู้ใหญ่ ๑๐๐.- และ เด็ก ๖๐.- บาท