ค้นหา
ปกติ
ขาวดำ
ดำเหลือง
ขนาดตัวอักษร

นักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ ๕๔ จัดกิจกรรมเพื่อสังคม มอบของให้ชุมชน ผู้ยากไร้และคนชราชาวไทแสก

นักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ ๕๔ จัดกิจกรรมเพื่อสังคม มอบของให้ชุมชน ผู้ยากไร้และคนชราชาวไทแสก

พลเรือตรี พิเศษ ขันแข็ง ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ และนักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ ๕๔ โดย นาวาเอก อัคณัฐ รุ่งสิตา ประธานนักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่น ๕๔ จัดกิจกรรมเพื่อสังคมมอบของให้ชุมชนตำบลอาจสามารถหรือพี่น้องไทแสก ผู้ยากไร้ คนพิการและคนชรา ซึ่งเป็นกิจกรรมนำน้ำใจจากส่วนกลางของสมาชิกวิทยาลัยการทัพเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือสู่ชนบท เนื่องในโอกาสการเดินทางมาศึกษาดูงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ 
  
  
  
  
  
      ความเป็นมา ของกิจกรรม : “คนไทแสก” คือกลุ่มชาติพันธุ์ เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ในตอนกลางของประเทศเวียดนาม ชายแถบเมืองรอง เมืองเว้ ต่อมาเวียดนามพยายามเข้าครอบครอง จึงรุกรานชาวไทแสก จนทำให้ชนไทแสกตกอยู่ในการปกครองของเวียดนาม แต่ยังมีพี่น้องไทแสกบางกลุ่มได้เกณฑ์สมัครพรรคพวกอพยพลงมาทางตอนใต้ ลัดเลาะป่าเขาที่กันดารถึงตอนกลางของประเทศ มาตั้งถิ่นฐานใหม่อยู่ใกล้เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ บ้านหม้อเตลิง, บ้านทอก, ท่าแค และบ้านโพธิ์ค้ำ “แสก” หมายความว่า “แจ้ง หรือ สว่าง” เป็นชนชาติหนึ่งในตระกูลมอญ-เขมร    
   ชาวไทแสกที่อพยพจากเมืองแสก ย้ายครอบครัวข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ “บ้านโคกยาว” ปัจจุบันคือบ้านไผ่ล้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม คนไทแสกที่ย้ายมาในชุดแรกรุ่นบุกเบิกมีจำนวน ๑,๑๗๐ คน ต่อมาชาวไทแสกได้ขยับขยายบ้านช่อง ย้ายถิ่นฐานจาก “บ้านโคกยาว” มาอยู่ที่บ้าน “ป่าหายโศก” ปัจจุบันคือ ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม
  ภายหลัง “พระสุนทร ราชวงษา (ฝ้าย)” พิจารณาเห็นว่าชาวไทแสกมีความสามารถ มีความรักสามัคคี และเข้มแข็ง สามารถปกครองตนเองได้ จึงยกฐานะชนชาวไทแสกที่อยู่ที่ “ป่าหายโศก” ให้เป็น “กองอาทมาต” (คำว่า “อาทมาด, อาทมาฏ, อาตมาท, อาทมารถ, หรืออาจสามารถ มีความหมายว่า กองกำลังที่เชี่ยวชาญในเพลงดาบสะท้านแผ่นดิน โดยเฉพาะการต่อสู้บนหลังม้าเขาเก่งกว่าใครเลยเชียว และมีความแข็งแกร่งในการสู้รบ “ชาวมอญดั้งเดิม” มักสังกัดอยู่ในกองกำลังนี้มากกว่าใคร ทำหน้าที่เป็น “สายลับ” หรือ “หน่วยสืบราชการลับ” คอยสืบข่าวส่งข่าวให้เจ้าเมืองในยุคนั้น)ทำหน้าที่คอยลาดตระเวนชายแดนแถบลุ่มแม่น้ำโขง
    ปัจจุบันชาวไทแสกส่วนมากมีชุมชนใหญ่อยู่ที่ ตำบลอาจสามารถ อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนม ๔ กิโลเมตร และยังมีชนไทแสกบางกลุ่มอพยพโยกย้ายที่อยู่ไปทำมาหากินถิ่นต่างๆ ในจังหวัดนครพนม และรวมทั้งเขต สปป.ลาว และจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ชาวไทแสก ทราบว่าปัจจุบันยังมีไทแสกเชื้อสายเดียวกันอาศัยอยู่ “แคว้นสิบสองปันนา ประเทศจีน” และจังหวัดสมุทรปราการ โดยชาวไทแสกทุกหมู่บ้านทุกกลุ่มไม่ว่าจะอยู่ที่ไทย หรืออยู่ที่ลาวสามารถพูด “ภาษาแสก” สื่อสารพูดคุยกันได้
    ชาวบ้านตำบลอาจสามารถ หรือชาวไทแสก นับได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงกันมานานเนื่องจากมีพื้นที่รอยต่อใกล้กัน ที่ผ่านมาหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงจะมีโครงการเยี่ยมเยือนชาวบ้านโดยการนำสิ่งของเครื่องใช้ครัวเรือน ผ้าห่ม ยารักษาโรคมามอบให้ผู้ชราและคนยากไร้เป็นประจำ และหากชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือจากทหารเรือ เช่น การตรวจรักษาโรค ตรวจฟัน ความต้องการน้ำจากภัยแล้งหรือภัยธรรมชาติอื่นๆ ชาวบ้านก็จะคิดถึงนหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเสมอมา รวมทั้งกิจกรรมเพื่อมวลชนที่สำคัญเช่นงานวันเด็กในทุกปี ผู้ปกครองในพื้นที่ก็จะนำเด็กๆ ลูกหลานมาร่วมกิจกรรมในงานวันเด็กที่ นรข.ทุกปีเพราะงานวันเด็กที่นี่จะได้รับการยอมรับว่าของรางวัลเยอะ อาหารอร่อย กิจกรรมการแสดงของพี่ๆ ทหารเรือโดยเฉพาะการสาธิตการปฏิบัติการทางทหารของหน่วยซีล ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เด็กๆและผู้ร่วมงานได้ชม ในสภาวะการแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 และสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันราคาค่าครองชีพสูงขึ้นในพื้นที่ชุมชนนี้ก็มีผู้ยากไร้ไม่มีงานทำ คนชราที่ถูกปล่อยให้เลี้ยงหลานน้อยๆ บางคนสุขภาพไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัวไม่มีคนดูแล จากการที่ชาวบ้านอาจสามารถหรือชุมชนไทแสก กับทหารเรือ นับว่ามีประวัติความใกล้ชิดผูกพันธ์กันมายาวนาน ในโอกาสการเดินทางมาศึกษาดูงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือครั้งนี้ คณะคณาจารย์และนักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ ๕๔ จึงได้จัดหารวบรวมสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน และสิ่งของที่จะเป็นประโยชน์ในการใช้ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 มามอบชาวบ้านผู้ยากไร้ คนชรา และชุมชนชาวไทแสก  โดยมีชาวบ้านอาจสามารถหรือชาวไทแสก นำโดย ส.อบจ.ณัตติยา สีใส และกำนันไพรัช สุสิงห์ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ก่อนการมอบสิ่งของชาวบ้านได้จัดการแสดงรำพื้นบ้านต้อนรับคณะ หลังจากนั้น พลเรือตรี พิเศษ ขันแข็ง ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพเรือ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมครั้งนี้ และได้มอบของให้ใช้ในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคโควิด ๑๙ สำหรับอาสาสมัครหมู่บ้าน ที่ปฏิบัติงานในชุมชน ได้แก่ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ หน้ากากอนามัย ชุด PPE จำนวน ๕๐ม ชุด ยาสีฟัน (เพิ่ม ชุด PPE จำนวน ๕๐ม ชุด ยาสีฟัน ) ถ้วยชามพลาสติกและของจำเป็นอื่นๆ และได้มอบชุดอุปโภคบริโภคประจำครัวเรือนให้แก่คนชรา ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จำนวน ๑๕ ชุด ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง น้ำมันพืช บะหมี่สำเร็จรูป และอื่นๆ นอกจากนั้นคณะนักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ ๕๔ ยังได้มอบ จาน ชาม แก้วเมลามีน จำนวน ๓ กล่อง (เพิ่มจำนวน ๓ กล่อง ) ให้กับ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ณัตติยา สีใส เพื่อเป็นผู้แทนของนักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่น ๕๔ นำภาชนะเมลามีนดังกล่าวไปมอบให้กับชาวบ้านผู้ยากไร้ และชุมชนที่อยู่ห่างไกล ต่อไป  
    กิจกรรมดังกล่าวสำเร็จลงด้วยดี คณะนักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ ๕๔ ต้องขอขอบพระคุณ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า คุณจินตนา อนันต์ประกฤติ เจ้าของบริษัทอินเตอร์เมลามีน จำกัด และบริษัท เค-แมน ออโต้เซอร์วิส จำกัด ที่กรุณามอบของบริจาคสิ่งของร่วมทำบุญกับคณะนักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือรุ่น ๕๔ ให้เป็นตัวแทนนำสิ่งดีดี น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ มาเยี่ยมเยือนและมอบของใช้ที่จำเป็นให้กับชุมชน ชาวบ้าน ผู้ยากไร้และคนชราชาวไทแสกถึงบ้านในครั้งนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

แบบสำรวจ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ทร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ ทร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้