เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ทัพเรือภาคที่ ๒ ได้รับการประสานจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค ๒ ว่าพบกลุ่มเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในทะเลอาณาเขตของประเทศไทย จำนวนประมาณ ๔๐ ลำ จึงรายงานให้ พลเรือโท สุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๒ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลทราบ ทั้งนี้ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๒ ได้สั่งการให้เรือ ต.๑๑๓ ซึ่งจอดเรือรับสถานการณ์พร้อม ณ สถานีเรือสมุย ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ ๒ ออกเรือลาดตระเวนตรวจสอบกลุ่มเรือประมงต่างชาติดังกล่าว โดยเวลา ๑๘.๔๐ น. เรือ ต.๑๑๓ ได้ตรวจพบกลุ่มเรือประมงต้องสงสัย จำนวน ๔ ลำ จึงได้นำเรือเข้าไปตรวจสอบ พบว่าเป็นเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจค้น และจับกุมกลุ่มเรือประมงดังกล่าวตามขั้นตอน ในระหว่างนั้นเรือต้องสงสัยลำหนึ่งได้พุ่งมาจากทางกราบขวาพุ่งเข้าใส่ เรือ ต.๑๑๓ ทำให้ได้รับความเสียหายเล็กน้อย และเรือประมงกลุ่มดังกล่าวพยายามนำเรือหลบหนี ในระหว่างที่เรือ ต.๑๑๓ ทำการตรวจสอบความเสียหาย จากเหตุการณ์ในข้างต้น ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๒ จึงได้สั่งการให้จัดตั้ง หมู่เรือเฉพาะกิจ ประกอบด้วย ร.ล.ตาปี ร.ล.นราธิวาส ร.ล.แกลง ร.ล.ท้ายเหมือง และ เรือ ต.๑๑๓ เครื่องบินลาดตระเวนแบบที่ ๑ จำนวน ๑ เครื่อง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ จำนวน ๖ นาย ออกปฏิบัติการลาดตระเวนค้นหาจับกุมเรือประมงต่างชาติที่รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ทางทะเลของประเทศไทย
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เวลา ๐๘.๒๐ น. ร.ล.ท้ายเหมือง และ ร.ล.แกลง ตรวจพบเรือประมงเวียดนาม จำนวน ๑ ลำ จึงได้ทำการแสดงตน ทำการตรวจค้น จับกุมผู้ควบคุมเรือพร้อมลูกเรือชาวเวียดนาม จำนวน ๕ คน ต่อมาเวลา ๐๙.๐๐ น. ร.ล.นราธิวาส และ เรือ ต.๑๑๓ ตรวจพบ เรือประมงเวียดนาม จำนวน ๑ ลำ ผลการตรวจค้นตรวจไม่พบลูกเรือบนเรือลำดังกล่าว และตรวจพบร่องรอยการชนที่บริเวณหัวเรือจึงคาดว่าน่าจะเป็นเรือประมงเวียดนาม ลำที่ได้พุ่งชนเรือ ต.๑๑๓ สันนิษฐานว่าลูกเรือประมงลำดังกล่าว ได้ทำการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดยได้ขนย้ายลูกเรือ และถอดอุปกรณ์ในการประมงบางส่วนออกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม จากน้ันได้ทำการควบคุมเรือประมงของกลางและลูกเรือทั้งหมด เดินทางกลับเข้าฝั่ง ณ ท่าเทียบเรือ สถานีเรือสมุย ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ ๒ เพื่อดำนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ทร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ ทร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้