วันนี้ (๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังทัพเรือภาคที่ ๒ จัดเรือหลวงเทพา และเรือ ต.๑๑๒ ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากเครือข่ายเรือประมงไทยว่ามีเรือประมงเวียดนามลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทยในพื้นที่อ่าวไทยตอนล่าง โดยสามารถควบคุมเรือประมงคราดปลิงทะเล สัญชาติเวียดนาม พร้อมลูกเรือจำนวน ๕ คน นำกลับขึ้นฝั่ง ณ ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา และจัดให้มีการแถลงข่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าวว่า ได้มีการสั่งการให้เรือของกองทัพเรือและของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จะต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ ห้ามเรือเวียดนามเข้ามาในอาณาเขตอธิปไตยของประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยและประเทศเวียดนามเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ที่ผ่านมาได้ขอให้ทางการเวียดนามแจ้งเรือประมงมิให้เข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย ต่อจากนี้ไป กองทัพเรือจะดำเนินการอย่างจริงจัง โดยกองทัพเรือจะปกป้องอธิปไตย และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้พี่น้องชาวไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของกองทัพเรือ ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และจะดำรงการปฏิบัติร่วมกันเช่นนี้ต่อไปเพื่อให้ทะเลไทยมีความมั่นคง
พลเรือตรี วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือและศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล มีหน้าที่รักษาอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ ซึ่งพฤติกรรมของเรือประมงเวียดนามที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้ เป็นการลักลอบทำมาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยการจับกุมการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าวเป็นการปฏิบัติภารกิจประจำที่กองทัพเรือได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และได้ดำรงความเข้มข้นในการลาดตระเวนตามรายงานด้านการข่าวที่ได้รับ รวมถึงได้มีการวางกำลังเรือรบเฝ้าระวังในพื้นที่ สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ทัพเรือภาคที่ ๒ ร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค ๒ ได้นำส่ง ลูกเรือ ผู้ต้องหา พร้อมเรือประมงและสัตว์ทะเลของกลางให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยการจับกุมเรือประมงต่างชาติในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ ๒ ในห้วง ๒ ปีที่ผ่านมารวมครั้งนี้ มีการจับกุมแล้วจำนวน ๒๐ ครั้ง เรือทั้งหมด ๒๖ ลำ ผู้ต้องหาชาวเวียดนาม รวม ๑๑๙ คน อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติของฝ่ายไทยในทุกครั้งเป็นการดำเนินการภายใต้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศและมิใช้ความรุนแรงในการดำเนินการ
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ทร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ ทร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้