วันนี้ (๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) พลเรือตรี วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือเปิดเผยว่า ตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวเรือประมงเวียดนามเข้ามาทำการประมงบริเวณหน้าอ่าวนครศรีธรรมราชเป็นจำนวนมากโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยเข้าไปตรวจสอบหรือเฝ้าระวังตามแนวน่านน้ำ นั้น โฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า ข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง โดยที่ผ่านมากองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ ๒ ร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค ๒ ได้จัดเรือและอากาศยานทำการลาดตระเวนที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเฝ้าสังเกตการณ์และติดตามพฤติกรรมของกลุ่มเรือประมงที่ลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ซึ่งหากมีการตรวจพบจะดำเนินการจับกุมตามอำนาจหน้าที่ซึ่งได้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ ๒ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และเครือข่ายเรือประมงไทย ในการแจ้งข้อมูลข่าวสารและเบาะแสต่าง ๆ
โดยเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ทัพเรือภาคที่ ๒ ได้รับแจ้งว่ามีการตรวจพบเรือประมงเวียดนามในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้จัดส่งเรือหลวงคลองใหญ่เข้าตรวจสอบแต่ไม่พบว่ามีเรือประมงต่างชาติเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาจะได้รับแจ้งว่าตรวจพบหรือประมงต่างชาติเข้ามาทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทยจำนวน ๑-๒ ลำเท่านั้น ไม่ได้มีจำนวนเป็นร้อยลำ ดังที่เป็นข่าวแต่อย่างใด โดยปัจจุบัน ได้มีการจัดเรือหลวงเทพา และเรือ ต.๑๑๒ เฝ้าลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่บริเวณเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช และ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้การจับกุมเรือประมงต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้ามาทำการประมงบริเวณเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยนั้นที่ผ่านมาได้มีการจับกุมมาแล้วหลายครั้ง สำหรับในปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ทัพเรือภาคที่ ๒ ได้จัดเรือและอากาศยานเฝ้าตรวจและสามารถจับกุมเรือประมงเวียดนามจำนวน ๓ ครั้ง ประกอบด้วย เรือประมง ๓ ลำ และลูกเรือจำนวน ๑๕ คน ทั้งนี้ฝ่ายไทย ได้มีการแจ้งเตือนเรือประมงต่างชาติมิให้รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำของประเทศไทย อย่างไรก็ตามยังคงมีการฝ่าฝืนและลักลอบเข้ามาทำการประมงอยู่บ่อยครั้ง โดยการจับกุมแต่ละครั้งทางเจ้าหน้าที่มิได้มีการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใดและเป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของกองทัพเรือ
โฆษกกองทัพเรือกล่าวต่อไปว่า การดำเนินการจับกุมเรือประมงต่างชาติข้างต้นนั้นเป็นไปตามนโยบายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗ ของ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ได้มีนโยบายให้ทุกหน่วยงานมีการบูรณาการร่วมกันในการป้องกันและปรามปรามการกระทำผิดกฎหมายทางทะเล เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ทรัพยากรทางทะเลไทยมีความอุดมสมบูรณ์ เกิดความมั่นคง ยั่งยืนและสามารถแสวงหาประโยชน์ได้ตลอดไป
ทั้งนี้ กองทัพเรือและศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จะดำเนินการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งภาคประชาชนและภาคเอกชนในการร่วมกันแก้ปัญหาความเดือดของพี่น้องประชาชน ที่ประสบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกิจการทะเลต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรม มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ ทร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ ทร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้